ผู้บริหาร ม.ราชภัฏเชียงใหม่ ร่วม MOU การพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัยและนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยราชภัฏสู่การเป็นนักวิจัยรุ่นใหม่ในระบบวิจัยเเละนวัตกรรม

ผู้บริหาร ม.ราชภัฏเชียงใหม่ ร่วม MOU การพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัยและนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยราชภัฏ

สู่การเป็นนักวิจัยรุ่นใหม่ในระบบวิจัยเเละนวัตกรรม

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2568 รองศาสตราจารย์ ดร.ชาตรี มณีโกศล อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ มอบหมายให้ อาจารย์ ดร.อัครสิทธิ์ บุญส่งแท้ รองอธิการบดี เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ “การพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัยและนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยราชภัฏสู่การเป็นนักวิจัยรุ่นใหม่ในระบบวิจัยเเละนวัตกรรม” ระหว่างสำนักงานการวิจัยเเห่งชาติ(วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และ มหาวิทยาลัยราชภัฏ 38 เเห่ง ณ World ballroom ชั้น 23 โรงแรม Centara Grand Bangkok Convention Centre กรุงเทพมหานคร โดยได้รับเกียรติจาก พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี พร้อมด้วยผู้เข้าร่วมพิธี ร่วมเป็นสักขีพยาน กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นในงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2568 (Thailand Research Expo 2025) ภายใต้แนวคิด "Research for All : เชื่อมต่ออนาคตไทยด้วยวิจัยและนวัตกรรม”
ในการนี้ พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี กล่าวว่า ความร่วมมือของมหาวิทยาลัยราชภัฏ ทั้ง 38 แห่ง และ วช.ที่ได้ร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาศักยภาพเยาวชนผ่านการวิจัยและนวัตกรรม เพื่อส่งเสริมให้นิสิตนักศึกษาได้มีโอกาสลงมือปฏิบัติจริงในพื้นที่ชุมชน ซึ่งนับเป็นการเสริมสร้างทั้งความรู้ ความสามารถ และจิตสำนึกสาธารณะ ตามพระบรมราโชบายด้านการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเน้นย้ำให้ “คนไทยมีคุณธรรม มีงานทำ และเป็นกำลังสำคัญของชาติ”
ด้าน ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. มีเป้าหมายสำคัญเพื่อส่งเสริมบทบาทของมหาวิทยาลัยราชภัฏ 38 แห่ง ให้เป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อพัฒนาท้องถิ่น โดย วช. ทำหน้าที่ดำเนินการบ่มเพาะ และสร้างเสริมองค์ความรู้ ด้านวิจัยและนวัตกรรม ให้กับบุคลากรมหาวิทยาลัยราชภัฏที่เป็นอาจารย์รุ่นใหม่ ผ่านกระบวนการอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรการเขียน ข้อเสนอโครงการวิจัย ที่สอดคล้องกับการวิจัยและนวัตกรรม เพื่อให้เกิดแนวคิดและสามารถเข้าถึงแหล่งทุนวิจัยต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการสร้างงานวิจัยและนวัตกรรมจากบุคลากรจากมหาวิทยาลัยราชภัฏ ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์เพื่อพัฒนาท้องถิ่นในเชิงพื้นที่ เชิงสาธารณะ และเชิงนโยบายได้ในอนาคต
การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการสนับสนุนบุคลากรด้านการวิจัยและนวัตกรรม ให้ก้าวเข้าสู่ระบบวิจัยของประเทศอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไปในอนาคต